HIGHWAY @NLINE V3.1 
ทางหลวง ตามพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 หมายความว่า ทางหรือถนนซึ่งจัดไว้เพื่อประโยชน์ในการจราจรสาธารณะทางบก ไม่ว่าในระดับพื้นดิน ใต้หรือเหนือพื้นดิน หรือใต้หรือเหนืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น นอกจากทางรถไฟและหมายความรวมถึงที่ดิน พืช พันธุ์ไม้ทุกชนิด สะพาน ท่อหรือรางระบายน้ำ อุโมงค์ ร่องน้ำ กำแพงกันดิน เขื่อน รั้ว หลักสำรวจ หลักเขต หลักระยะ ป้ายจราจร เครื่องหมายจราจร เครื่องหมายสัญญาณ เครื่องสัญญาณไฟ เครื่องแสดงสัญญาณที่จอดรถ ที่พักคนโดยสาร ที่พักริมทาง เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก ท่าเรือสำหรับขึ้นหรือลงรถ และอาคารหรือสิ่งอื่นอันเป็นอุปกรณ์งานทางบรรดาที่มีอยู่หรือที่ได้จัดไว้ในเขตทางหลวงเพื่อประโยชน์แก่งานทางหรือผู้ใช้ทางหลวงนั้นด้วย
  หน้าหลัก
  ผู้สอน รศ.นิรชร นกแก้ว
  เนื้อหารายวิชา
  ตัวอย่างประกอบ
  แบบฝึกหัด
      หน่วยที่ 1
      หน่วยที่ 2
      หน่วยที่ 3
      หน่วยที่ 4
      หน่วยที่ 5
      หน่วยที่ 6
      หน่วยที่ 7
      หน่วยที่ 8
      หน่วยที่ 9
  ตำราด้านวิศวกรรมโยธา
 หน่วยที่ 2 หลักการเบื้องต้นของการวางแผนสร้างทางและการวิเคราะห์จราจร [55 ข้อ]
1. ข้อใดเป็นขั้นตอนลำดับแรกในการวางแผนงานทาง
1. การวางโครงการ
2. การวางแผนดำเนินงาน
3. การวางแผนก่อสร้าง
4. การประเมินผลโครงการ

2. วัฏจักรของงานทางงานใดควรทำเป็นลำดับแรก
1. งานบำรุงรักษา
2. งานสำรวจ
3. งานก่อสร้างและบูรณะ
4. งานวางแผน

3. Feasibility Study หมายถึงข้อใด
1. การศึกษาข้อมูลทางด้านวิศวกรรม
2. การศึกษาความเหมาะสมก่อนการลงทุน
3. การศึกษาปัญหาการคมนาคมและการขนส่ง
4. การศึกษา ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจและสังคม

4. ข้อมูลของแหล่งวัสดุก่อสร้าง ปริมาณวัสดุ คุณภาพวัสดุ และราคาวัสดุที่แหล่งควรเป็นข้อมูลทางด้านใด
1. ข้อมูลทางด้านวิศวกรรมจราจร
2. ข้อมูลทางด้านวิศวกรรม
3. ข้อมูลทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
4. ข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อม

5. การจราจรที่เกิดขึ้นเนื่องจากความสะดวก เพราะได้มีการปรับปรุงทางเก่าให้มีสภาพดีขึ้นเป็นการจราจรประเภทใด
1. การจราจรปกติ (Normal Traffic)
2. การจราจรเกิดใหม่ (Generated Traffic)
3. การจราจรเปลี่ยนเส้นทาง (Diverted Traffic)
4. การจราจรพิเศษ (Special Traffic)

6. คุณลักษณะข้อใดของยานพาหนะที่เกี่ยวกับขนาด น้ำหนักและกำลังของยานพาหนะ
1. Static
2. Thermoplastics
3. Kinematics
4. Dynamics

7. เมื่อ จงหาความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางกับเวลาคือข้อใด
1.
2.
3.
4.

8. ตามทฤษฎีของ “PIEV Time” คำว่า “E” มีความหมายตรงกับข้อใด
1. ระยะเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติการตามที่สมองสั่งการ
2. ระยะเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับสถานการณ์หรือสิ่งที่เห็นนั้น
3. ระยะเวลาที่ใช้ในการพิจารณาวิเคราะห์ให้ทราบว่า สิ่งที่เห็นชัดคืออะไร
4. ระยะเวลาที่มองเห็นวัตถุชัดเจนและรับทราบสถานการณ์

9. การตอบสนองของผู้ขับขี่ที่ถูกกระตุ้นโดยการจราจร AASHTO แนะนำให้ใช้เวลาประมาณเท่าใด
1. 2 วินาที
2. 2.5 วินาที
3. 3 วินาที
4. 3.5 วินาที

10. ที่ความเร็ว 50 กม./ชม. มุมมองเห็นได้ 90 และที่ความเร็ว 75 กม./ชม. มุมมองเห็นจะเป็นเท่าไร
1. 60°
2. 90°
3. 100°
4. 135°

11. สภาพของทางเดินข้อใดที่คนเดินเท้าเต็มใจที่จะเดินด้วยระยะทางที่น้อยที่สุด
1. ทางเดินที่มีหลังคาคลุมตลอด
2. ทางเดินที่มีร่มเงา
3. ทางเดินที่ไม่มีร่มเงา
4. ทางเดินที่มีสภาพแวดล้อมแย่มาก

12. การสำรวจโดยวิธีใด สามารถสำรวจปริมาณรถเลี้ยว แยกประเภทของรถ ศึกษาจำนวนผู้โดยสารของรถและศึกษาปริมาณคนเดินเท้า
1. Manual Counting
2. Mechanical Counting
3. Photographic Techniques
4. Moving Vehicle Method

13. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการสำรวจปริมาณการจราจร
1. เพื่อดูความสำคัญของถนนแต่ละสาย
2. เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงตามเวลาของการไหล
3. เพื่อดูปริมาณการจราจรที่แตกต่างกันในแต่ละช่วง
4. เพื่อดูเวลาการรับรู้ของผู้ขับขี่ยานพาหนะ

14. การสำรวจวิธีใด ไม่ใช่วิธีการสำรวจจุดเริ่มต้นและจุดปลายทางของการเดินทาง (O-D Survey)
1. การจดหมายเลขทะเบียนรถ (License Plate)
2. การติดเครื่องหมาย (Tag) ที่ตัวรถ
3. การนับรถที่ข้างทาง (Volume Count)
4. การสัมภาษณ์ที่บ้าน (Home Interview)

15. ปริมาณการจราจรประเภทใด ใช้สำหรับการคำนวณระยะเวลาที่มีปริมาณการจราจรสูงสุด จัดระบบควบคุมการจราจรสำหรับการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรและเครื่องหมายจราจร การกำหนดเดินรถทางเดียว การกำหนดบริเวณที่ห้ามจอดรถ หยุดรถหรือกลับรถ
1. Average Annual Daily Traffic (AADT)
2. Average Daily Traffic (ADT)
3. Hour Traffic (HV)
4. Short Term Counts

16. กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ผู้ขับขี่ยวดยานจะต้องมีค่าระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไว้ไม่เกินเท่าใด
1. 25 มิลลิกรัม%
2. 50 มิลลิกรัม%
3. 75 มิลลิกรัม%
4. 100 มิลลิกรัม%

17. ปริมาณการจราจรเฉลี่ยต่อวัน คือข้อใด
1. Average Daily Traffic (ADT)
2. Average Annual Daily Traffic (AADT)
3. Hourly Volume (HV)
4. Design Hourly Volume (DHV)

18. ปริมาณการจราจรเฉลี่ยรายวันที่ได้จากการสำรวจตลอดระยะเวลา 1 ปี คือข้อใด
1. Average Daily Traffic (ADT)
2. Average Annual Daily Traffic (AADT)
3. Hourly Volume (HV)
4. Design Hourly Volume (DHV)

19. จงคำนวณหา Peak Hour Factor จากข้อมูลปริมาณการจราจรดังนี้

1. 0.28
2. 0.83
3. 40
4. 133.33

20. จงหาค่า PHF จากข้อมูลการสำรวจปริมาณการจราจรทุกช่วงเวลา 15 นาที บนถนนสายหนึ่งระหว่าง 8.00-10.00 น.

1. 0.73
2. 0.79
3. 0.84
4. 0.85

21. จากการสำรวจปริมาณการจราจรได้ข้อมูลดังตาราง จงหาค่า Peak Hour Factor (PHF)

1. 0.85
2. 0.94
3. 1.06
4. 1.21

22. จากข้อมูลปริมาณการจราจรในช่วงเวลาหนึ่งพบว่า Hourly Volume, HV มีค่าเท่ากับ 3,200 คัน/ชม. Peak Hour Factor, PHF มีค่าเท่ากับ 0.80 อยากทราบว่าในขณะนั้นมีค่า Service Flow, SF เท่าใด
1. 640 คัน/ชม.
2. 2,560 คัน/ชม.
3. 3,200 คัน/ชม.
4. 4,000 คัน/ชม.

23. ความล่าช้าใดเกิดขึ้นเนื่องมาจากระบบควบคุมการจราจร
1. เครื่องหมายจราจร
2. การหยุดเพื่อให้คนเดินข้ามถนน
3. การเกิดอุบัติเหตุ
4. การชะลอเพื่อหยุดหรือการเร่งเพื่อจะเคลื่อนที่

24. ข้อใดไม่ใช่วิธีการสำรวจระยะเวลาการเดินทางและความล่าช้า
1. วิธีการถ่ายภาพทางอากาศ
2. วิธีรถทดลอง
3. วิธีจดเลขทะเบียนรถ
4. วิธีการเคลื่อนที่ของรถ

25. ความเร็วปลอดภัยสูงที่สุดข้อใด เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วเกินกว่านี้จะไม่ปลอดภัยและความเร็วนี้จะใช้ในการกำหนดความเร็วสูงสุดบนถนน
1. ความเร็วที่ 15 เปอร์เซ็นต์ไตล์
2. ความเร็วที่ 50 เปอร์เซ็นต์ไตล์
3. ความเร็วที่ 85 เปอร์เซ็นต์ไตล์
4. ความเร็วที่ 100 เปอร์เซ็นต์ไตล์

26. ถนนสายหนึ่งมียานพาหนะ 3 ชนิดคือ รถจักรยานยนต์จำนวน 30 % ความเร็วเฉลี่ย 70 กม./ชม. รถยนต์จำนวน 60 % ความเร็วเฉลี่ย 80 กม./ชม. และรถบรรทุกจำนวน 10 % ความเร็วเฉลี่ย 50 กม./ชม. จงหาความเร็วจุด (Spot Speed) เฉลี่ยของยานพาหนะทุกชนิด
1. 24.7 กม./ชม.
2. 66.7 กม./ชม.
3. 70.0 กม./ชม.
4. 74.0 กม./ชม.

27. ข้อใดเป็นนิยามของคำว่า “อัตราการไหล”
1. จำนวนยานพาหนะที่สามารถนับได้ในช่วงเวลาที่กำหนด
2. จำนวนยานพาหนะที่แล่นผ่านจุดหรือตำแหน่งที่กำหนดบนถนนภายในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมง
3. ระยะเวลาระหว่างยานพาหนะที่แล่นตามกันมาผ่านจุดที่กำหนดบนถนน
4. ความเร็วขณะที่อัตราการไหลมีค่าสูงสุด

28. ระยะห่างระหว่างกันชนหน้าของรถคันหน้าถึงกันชนหน้าของรถคันหลังเป็นความหมายของข้อใด
1. Headway
2. Distance
3. Density
4. Section

29. ระดับการบริการ (Level of Services) ระดับใด ที่การขับขี่ไม่สะดวก เพราะปริมาณการจราจรเข้าใกล้หรือถึงความจุ ความเร็วลดลงเหลือประมาณ 48 กม./ชม. การไหลไม่คงที่อาจผสมกับการหยุดเป็นครั้งคราว
1. LOS C
2. LOS D
3. LOS E
4. LOS F

30. ระดับการให้บริการ A ควรใช้ปริมาณการจราจรต่อความจุตามข้อใด
1. 0.35
2. 0.5
3. 0.75
4. 0.9

31. Saturation Flow เกิดขึ้นที่ระดับการบริการ (Level of Service, LOS) ใด
1. LOS A
2. LOS B
3. LOS C
4. LOS D

32. ความจุของทางหลวง เมื่ออยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบ ควรต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
1. ยานพาหนะมีรถยนต์นั่งเป็นส่วนใหญ่
2. ความลาดชันถูกต้องตามมาตรฐาน ไม่มีทางแยก หรือคนเดินข้ามตัดผ่าน อันจะก่อให้เกิดการกีดขวางการจราจร
3. รถทุกคันต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ด้วยอัตราเร็ว 60-80 กม./ชม.
4. จำนวนช่องจราจรอย่างน้อย 4 ช่องจราจร ที่รถเคลื่อนที่ในทิศทางเดียวกัน

33. ปริมาณการจราจรกับ 3,500 คัน/ชม. เลือกสร้างด่วนมีความจุประมาณ 2,000 คัน/ชม./ช่องทางวิ่ง จะต้องออกแบบให้ค่า v/c เท่ากับ 0.35 จะต้องสร้างถนนให้มีจำนวนช่องวิ่งเท่าไร
1. 2 ช่องทางวิ่ง
2. 3 ช่องทางวิ่ง
3. 4 ช่องทางวิ่ง
4. 5 ช่องทางวิ่ง

34. ช่วงหนึ่งของถนนมี Free Flow Speed เท่ากับ 88 กม./ชม. และมี Jam Density เท่ากับ 250 คัน/กม. ถ้าสมมติให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Speed และ Density เป็นเส้นตรง จงหา Maximum Flow Rate
1. 5,500 คัน/กม.
2. 6,500 คัน/กม.
3. 7,330 คัน/กม.
4. 11,000 คัน/กม.

35. ช่วงหนึ่งของถนนมี Free Flow Speed เท่ากับ 88 กม./ชม. และมี Jam Density เท่ากับ 250 คัน/กม. ถ้าสมมติให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Speed และ Density เป็นเส้นตรง จงหาความเร็วที่ Maximum Flow
1. 29 กม./ชม.
2. 34 กม./ชม.
3. 44 กม./ชม.
4. 50 กม./ชม.

36. ช่วงหนึ่งของถนนมี Free Flow Speed เท่ากับ 88 กม./ชม. และมี Jam Density เท่ากับ 250 คัน/กม. ถ้าสมมติให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Speed และ Density เป็นเส้นตรง จงหา Density ที่ Maximum Flow
1. 84 คัน/กม.
2. 120 คัน/กม.
3. 125 คัน/กม.
4. 160 คัน/กม.

37. ถนนสายหนึ่งมี Average Hourly Volume เท่ากับ 360 คัน/ชม. สมมติว่าการมาถึงของ (Arrival of Vehicles) เป็นแบบ Poisson Distribution จงหาความเป็นไปได้ (Probability) ที่จะมีรถมาถึง (n) 4 คัน ในเวลา (t) 20 วินาที
Poisson Distribution

P(n) = ความน่าจะเป็นที่รถ n คัน จะมาปรากฏอยู่ในหนึ่งหน่วยความยาวของถนน หรือความน่าจะเป็นที่รถ n คัน จะมาภายในหนึ่งหน่วยของเวลา
λ = ปริมาณการจราจร, คัน/ชม.
t = ความยาวช่วงเวลา, วินาที
1. 0.03
2. 0.09
3. 0.15
4. 0.22

38. เมื่อกระแสจราจรในช่องจราจรหนึ่งบนถนนช่วงหนึ่งมี Spacing เฉลี่ยเท่ากับ 20 ม./คัน จงหาว่า Density เฉลี่ยเท่ากับกี่คัน/กม.
1. 0.05
2. 5
3. 50
4. 180

39. จงหาค่าปริมาณการจราจรเฉลี่ย (คัน/ชม.) เมื่อค่า Headway เฉลี่ยเท่ากับ 5 วินาที/คัน
1. 0.2
2. 160
3. 720
4. 800

40. เมื่อปริมาณการจราจรเท่ากับ 400 คัน/ชม. ความเร็วของกระแสจราจรเท่ากับ 25 กม./ชม. จงหาค่า Density เฉลี่ยมีค่ากี่คัน/กม.
1. 8
2. 16
3. 32
4. 64

41. เมื่อความสัมพันธ์ระหว่าง u และ k ดังนี้
     u = 75 - 1.5k
     u = อัตราเร็ว, กม./ชม.
     k = Density, คัน/กม.
     ดังนั้น Jam Density มีค่าเท่ากับกี่คัน/กม.
1. 50
2. 74
3. 75
4. 80

42. จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง q และ k ให้หาความเร็วเฉลี่ย เมื่อ Density เท่ากับ 20 คัน/กม.

1. 30 กม./ชม.
2. 45 กม./ชม.
3. 60 กม./ชม.
4. 90 กม./ชม.

43. จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง q และ k ให้หาความเร็วเฉลี่ย ที่สภาพความจุ (Capacity)

1. 20
2. 25
3. 30
4. 50

44. ในช่องจราจรช่องหนึ่ง ๆ อัตราการไหล (qm) มีค่ามากที่สุด ตรงกับข้อใด
1. ความหนาแน่นน้อยและความเร็วมาก
2. ความหนาแน่นมากและความเร็วน้อย
3. ความหนาแน่นปานกลางและความเร็วปานกลาง
4. ความหนาแน่นน้อยและความเร็วน้อย

45. จงหาค่า Time-Mean Speed ในหน่วย กม./ชม. เมื่อ

1. 22.4
2. 44.5
3. 77.4
4. 80.5

46. จงหาค่า Space-Mean Speed ในหน่วย กม./ชม. เมื่อ

1. 22.4
2. 44.5
3. 77.4
4. 80.5

47. ในการสำรวจพบว่า ยานพาหนะจำนวน 5 คัน มีความเร็วเฉลี่ยตลอดระยะทาง 5 กม. เท่ากับ 25, 30, 40, 50 และ 60 กม./ชม. (kph) จงหา Space Mean Speed
1. 35 kph
2. 37 kph
3. 40 kph
4. 41 kph

48. วัตถุประสงค์หลักของ Four-step Model คือข้อใด
1. ทำนายความต้องการการใช้พื้นที่
2. ทำนายความหนาแน่นของยานพาหนะ
3. คาดประมาณรายได้เฉลี่ยของประชากร
4. คาดประมาณความต้องการด้านขนส่ง

49. พื้นที่ขนาดเล็กที่ใช้ในการศึกษา Four-step Modelเรียกว่าอะไร
1. Area
2. District
3. Province
4. Zone

50. ขั้นตอนใดใน Four-step Model ที่ทำให้ทราบถึงจำนวนการเดินทางที่เข้าออกแต่ละพื้นที่ย่อย
1. Trip Assignment
2. Trip Distribution
3. Trip Generation
4. Modal Split

51. ขั้นตอนใดใน Four-step Model ที่ทำให้ทราบถึงเส้นทางที่ผู้เดินทางจะเลือกใช้
1. Trip Assignment
2. Trip Distribution
3. Trip Generation
4. Modal Split

52. ขั้นตอนใดใน Four-step Model ที่พิจารณาว่า Trip กำเนิดจากโซนใด ๆ และจะไปสู่โซนไหนบ้าง จำนวนเท่าใด
1. Trip Assignment
2. Trip Distribution
3. Trip Generation
4. Modal Split

53. ขั้นตอนใดใน Four-step Model ที่คาดคะเนความต้องการแยกตามรูปแบบการเดินทาง
1. Trip Assignment
2. Trip Distribution
3. Trip Generation
4. Modal Split

54. ข้อใดแสดงถึงลำดับการวิเคราะห์ Four-step Model ได้ถูกต้อง
1. Trip Generation, Trip Distribution, Trip Assignment, Modal Split
2. Trip Generation, Trip Distribution, Modal Split, Trip Assignment
3. Trip Generation, Trip Assignment, Trip Distribution, Modal Split
4. Trip Generation, Trip Assignment, Modal Split, Trip Distribution

55. จงหาค่า DDHV (Directional Design Hourly Volume) รถบรรทุกในทางหลวง 4 ช่องทาง จากการสำรวจได้ค่าปริมาณการจราจร AADT เท่ากับ 40,000 vpd แยกเป็นรถบรรทุก 10 % Directional Value (D) เท่ากับ 60 % ค่า K = DHV / AADT เท่ากับ 0.12 และมีรถบรรทุกวิ่งอยู่ในช่องทางที่ออกแบบเท่ากับ 90 % เมื่อ
1. 240 คัน/วัน/ช่องทาง
2. 259 คัน/วัน/ช่องทาง
3. 288 คัน/วัน/ช่องทาง
4. 480 คัน/วัน/ช่องทาง

 Assist. Prof. Nirachorn Nokkaew : Deptartment of Civil , Faculty of Engineering , Rajamangala University of Technology Thanyaburi 
 Please Contact E-mail Address : nirachorn@gmail.com , Website : www.nirachorn.com 
 Copyright © 1997-2017 by Nirachorn Nokkaew , All Rights Reserved. ® : Webmaster